วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

IT กับการพัฒนาการศึกษา

IT กับการพัฒนาการศึกษา

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไอที มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นที่ยอมรับว่าการเติบโตของเทคโนโลยีนี้ ยังเป็นไปตามกฎของมัวร์ (Moore's Law) กล่าวคือ มีอัตราการพัฒนาเป็นสองเท่าทุก ๆ 12-18 เดือน เช่น ความเร็วของซีพียูทำงานได้จาก 10 MHz เป็น 20 MHz ในปี ค.ศ. 1990 ความเร็วของพีซีใช้ซีพียูทำงานที่ความเร็ว 33 MHz จนในปัจจุบันสามารถทำงานได้ถึง 1000 MHz ความจุของฮาร์ดดิสค์ก็เพิ่มจาก 10 MB และเพิ่มมาเป็น 40 MB ในปี ค.ศ. 1990 จนเพิ่มเป็น GB และหลายสิบ GB ในปัจจุบัน 

ไอทีจึงมีผลต่อระบบการศึกษาโดยตรง ไอทีเกี่ยวข้องโดยตรงกับการรวบรวมข้อมูล ข่าวสาร ความรอบรู้ จัดระบบ ประมวลผล ส่งผ่านและสื่อสารด้วยความเร็วสูง และปริมาณมาก นำเสนอและแสดงผลด้วยระบบสื่อต่าง ๆ ทั้งทางด้านข้อมูล รูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และวิดิโอ อีกทั้งยังสามารถสร้างระบบการมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบ ทำให้การเรียนรู้ในยุคใหม่ประสบผลสำเร็จด้วยดี

หากพิจารณาการเรียนรู้ในยุคใหม่ ที่มีขุมความรู้มากมายมหาศาล การเรียนรู้ในยุคใหม่ใช้ขุมความรู้ที่เรียกว่า world knowledge แหล่งความรู้เกิดขึ้นตลอดเวลา มีจำนวนมาก และกระจายอยู่ทั่วโลก การเรียนรู้ในยุคใหม่ต้องเรียนรู้ได้มากและรวดเร็ว อีกทั้งต้องสามารถแยกแยะ ค้นหา ข่าวสาร ตลอดจนการแสวงหาสิ่งที่ต้องการได้ตรงตามความต้องการไอทีจึงเข้ามามีบทบาทที่สำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาอย่างมาก


บทบาทของมหาวิทยาลัยจึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องของไอทีเพื่อพัฒนาการศึกษา พัฒนาการเรียนรู้ การเรียนการสอน ตลอดจนขบวนการเรียนรู้ และการประกันคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยได้เน้นการใช้ไอที เพื่อประโยชน์ต่อการศึกษามากมาย และได้พัฒนาระบบไอทีเพื่อสนองตอบการพัฒนาการศึกษา ซึ่งได้แก่ การพัฒนาเครือข่ายของมหาวิทยาลัย เพื่อการเรียนการสอน โดยเน้นการเชื่อมโยงทุกวิทยาเขตเข้าด้วยกัน และใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งข้อมูลการเรียนรู้ข้อมูลการบริหาร ข้อมูลนิสิต และการใช้อินเทอร์เน็ต อินทราเน็ตเพื่อการศึกษา เครือข่ายของมหาวิทยาลัยจึงเป็นเส้นทางด่วนข้อมูลที่เน้นใช้ประโยชน์หลากหลายรูปแบบ ทั้งทางด้านการเรียนการสอน งานวิจัย และงานบริการการศึกษา งานบริหารการศึกษา งานจัดการการศึกษา งานติดต่อสื่อสารระหว่างกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น